35 แนวคิด ขายของออนไลน์ยังไงให้รวย

35 แนวคิด “ดึงสติขายของออนไลน์” ประจำปี 2023 

  1.  ขายของที่ชอบ ขายของที่ถนัด ขายของที่เชี่ยวชาญ แม้ยังขายไม่ได้ซักชิ้นมันก็ยังมีกำลังใจที่จะทำต่อกว่าการขายของที่ไม่ได้รักเลย 
  2. ขายของต้องมีเวลาดูแลร้านอย่างสม่ำเสมอ ถ้าคุณเฝ้าร้านอาทิตย์ละครั้งคุณช้ากว่าร้านอื่นไป 6 วัน อย่างน้อยก็หาสถิติซักตัวในแพลตฟอร์มนั่งวิเคราะห์แล้วดูว่าจะทำยังไงให้ร้านเราขายดีขึ้น 
  3. ค่าเฉลี่ยของรีวิวในร้านค้า ขึ้นอยู่กับกล่องพัสดุตรงหน้าที่คุณกำลังแพ็ค 
  4. ตอนซื้อของอยากได้ความประทับใจแบบไหน ก็ทำมันให้กับลูกค้าแบบนั้นแหละ
  5.  อย่าเปรียบเทียบยอดขายของร้านอื่นจนตัวเองเสียกำลังใจเพราะร้านค้าที่ขายดี เขาไม่ได้หักลบต้นทุน กำไรและภาษีให้คุณดู
  6. ร้านค้าที่ยอดขายหลักล้านต่อเดือนมักขอคำปรึกษาเรื่องการเสียภาษีและการจด Vat 7% อยู่บ่อยๆ
  7. การตั้งราคาขาย กำหนดทิศทางของยอดขายและกลุ่มลูกค้า กำไรวันละหมื่นอยู่ที่คุณเลือกว่าจะขายวันละ 20 ออเดอร์ หรือ 100 ออเดอร์ต่อวัน (ขายถูกขายมาก ขายแพงขายน้อย)
  8. การตั้งราคาขาย บนกระดาษให้หมด คำนวณให้ครบมีต้นทุนอะไรบ้าง วันนี้ไม่ขาดทุนไม่เป็นไร วันไหนสรรพากรเรียกคุยอาจจะต้องตัดกำไรก้อนใหญ่เสียภาษี
  9. เปลี่ยนแพลตฟอร์มที่จะขาย สามารถเปลียนราคาของสินค้าชิ้นนั้นได้
  10. เมื่อขายดีแบบดีมาก ๆ จงตั้งราคาขายให้คุ้มค่ากับสุขภาพของคุณ
  11. สินค้าที่มีคู่แข่งเยอะ เราต้องจำกัดกลุ่มลูกค้าที่จะขายให้แคบลง สินค้า 1 ชิ้นที่เหมือนกัน เมื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ของการใช้งาน กลุ่มลูกค้าก็เปลี่ยน ราคาก็เปลี่ยนไปด้วย
  12. ขายของแพง แถมของถูก และบวกกำไรในของแพง ลูกค้าส่วนมากยังมองว่าคุ้มค่าอยู่
  13. สินค้าในร้านมีน้อยแต่ขายดี สู้สินค้าในร้านมีเยอะแต่ขายได้เรื่อย ๆ ไม่ได้ สินค้าหลายชิ้น หลายคีย์เวิร์ด เมื่อค้นหาดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า
  14. อย่าไว้ใจว่าบริษัทขนส่งจะไม่สร้างปัญหาเลย ป้องกันตัวเองไว้บ้างจะดีที่สุด ให้เซ็นรับพัสดุเมื่อเรียกรถเข้ามา หรือถ่ายภาพสินค้าและซื้อประกันสำหรับของราคาแพงไว้บ้างก็ดี
  15. ร้านค้าใหญ่ ๆ ที่ขายหลายช่องทาง และมีการสั่งผลิตสินค้ากับโรงงานโดยตรง จงระวังลูกค้าที่มาสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่ต่อจากคุณให้ดี บางทีลูกค้าเหล่านี้ก็เอาเงินมัดจำหลักหมื่นมาแลกยอดหลักแสนให้คุณสั่งผลิตสินค้าจากโรงงาน ใช่แล้วเขาเป็นเครือเดียวกัน สุดท้ายก็หาย ไลน์ไม่ตอบ!
  16. จำนวนสต็อกของสินค้าในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ร้านค้าลงไว้ในโพสสินค้า พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นตัวแทนจำหน่ายรายย่อยหรือดีลเลอร์
  17. สินค้าที่ขายดีและเปิดตลาดมานานจงระวังโรงงานผลิตลงมาเล่นตลาดเองในชื่อร้านค้าโนเนมแต่ราคาโครตถูก ยอมสต็อคของน้อยเพลย์เซฟดีกว่าขาดทุน (ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเสี่ยงของคุณ)
  18. การทำบัญชีสำคัญ ตัวเลขที่เราทำเอง ดูแลเองไม่เคยโกหกเรา คนที่โกหกเราบางครั้งก็เป็นขนส่ง แพลตฟอร์ม หรือลูกจ้างในร้าน 
  19. ไม่มีเงินต่อยอดความสำเร็จก็ใช้แรง ไม่มีแรงต่อยอดก็ใช้ความรู้ เอาซักอย่างไปแลกมันมา ทุกอย่างคือต้นทุนที่เรามี
  20. ต้นทุนของสินค้าสมนาคุณชิ้นเล็ก ๆ ราคาหลักสิบให้กับลูกค้าเก่า ถูกกว่าค่ายิงโฆษณาต่อออเดอร์สำหรับลูกค้าใหม่เสมอ
  21. ตั้งใจถ่ายรูปภาพสินค้าให้ดี มันเป็นด่านแรกที่ลูกค้าจะหันมามองร้านของคุณ
  22. จะขายของได้ รูปภาพสินค้าต้องสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเสมอ ขายของแพงแต่รูปดูต้นทุนต่ำบางครั้งก็ขายไม่ได้ ขายของถูกแต่รูปดูแพงเกินไปลูกค้าก็กลัวว่าจะมาหลอก ลูกค้าจะซื้อของจากรูปภาพที่เหมาะสมกับตัวเองเสมอ วิเคราะห์ให้ได้ว่าเราขายสินค้ากับลูกค้ากลุ่มไหน
  23. รูปภาพสินค้าที่ตรงจริตกลุ่มลูกค้า ก็อปวาง 10 ครั้ง ก็ยังขายได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่ใช่อาจขายไม่ได้เลย
  24. อย่าเป็นคนขายของที่วางแผนไว้สวยหรูแต่ไม่ลงมือทำซักอย่าง
  25. จะ Work life balance ไปด้วยและอยากขายได้เยอะ ๆ ไปด้วย มักใช้ได้กับคนที่ประสบความสำเร็จในการขายแล้วเท่านั้น ถ้าคุณพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณต้องใช้แรงกายและแรงใจไปให้เต็ม 100% ถ้าทำงานประจำด้วย คุณต้องใส่ไปให้มากกว่า ห้ามใส่ไป 50 50
  26. เงินสดโคตรสำคัญ ขายแบบ COD ได้แต่ต้องมีช่องทางการขายที่เป็นเงินสดมาหมุนด้วย
  27. สินค้าไม่ดีคือจบ สินค้าดีจะทำอะไรต่อก็ง่าย แต่สินค้าดีกับสินค้าขายดีไม่เหมือนกัน
  28. ร้านค้าที่ขายตัดราคากับเราถือว่าเลือกใช้ “ยาแรง” เห็นผลเร็วแต่ก็หมดฤทธิ์ไว
  29. เจอร้านที่ขายตัดราคาให้กลับไปดูข้อที่ 16
  30. เจอร้านที่ขายตัดราคาและเป็นร้านค้าขนาดใหญ่รีบระบายสต็อกให้หมดและไปซื้อของจากร้านนั้นแหละมาขายอัพราคาในแพลตฟอร์มอื่น
  31. ทำเหมือนเดิม เเต่หวังยอดขายเพิ่ม มันไม่มีทางเป็นไปได้ และทุกระดับของยอดขาย มีวิธีการและของที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มาที่แตกต่างกัน
  32. ขายของออนไลน์เหมือนการทำธุรกิจ ถ้าไม่ชอบการแก้ไขปัญหาอย่ามาขายของออนไลน์
  33. ไม่เสี่ยงทำบางอย่างเลย ล้มเหลว 100% ลองเสี่ยงทำบางอย่างบ้าง อัตราความล้มเหลวจะลดลงและเพิ่มอัตราของโอกาสที่จะสำเร็จ
  34. เสียเงินมาเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “ของมันต้องมี” อยากขายดีไปฝึกเขียนแคปชั่นขาย เพราะแคปชั่นที่แทงใจลูกค้าจะเข้าไปทำลายสมดุล ความพอดีเปลี่ยนเป็นความขาด ความอิ่มเปลี่ยนเป็นความหิวโหยและสุดท้ายความไม่พอจะทำให้เขาควักเงินในกระเป๋าเพื่อจ่ายคุณ
  35. อย่าเรียนรู้เยอะจนไม่มีเวลาลงมือทำ เรียนมา 1 อย่างแล้วเอาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็น 100 ดีกว่าเรียนมาเป็น 100 และลงมือทำเพียง 1 อย่าง ขอให้ร่ำรวยตลอดปี 2023 จากทีมงานทุกค

ที่มา maekha