Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the newsblogger domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /home/ourhighlands/domains/ourhighlandsranchnews.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114
ทำคอนเทนต์อย่างไร? เมื่อ Social Media แต่ละตัวแตกต่างกันชัดเจน - ธุรกิจออนไลน์

ทำคอนเทนต์อย่างไร? เมื่อ Social Media แต่ละตัวแตกต่างกันชัดเจน

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่เห้นประจำของการทำคอนเทนต์คือเรามักทำและปล่อยคอนเทนต์ตัวเดียวกันลงในทุกๆช่องทาง ปัญหาคือ Social Media แต่ละตัวไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนกัน ผลคือการสื่อสารข้อความซ้ำซากที่ลูกค้าเห็นแล้วอาจกดเลิกติดตามไปเพื่อกำจัดความรำคาญทิ้งไป และที่หนักกว่านั้นคือบางบริษัทให้พนักงานแต่ละคนดูแล Social Media แต่ละช่อง ผลคือพนักงานอาจสื่อสารไปคนละทิศจนทำให้ลูกค้าหรือพนักงานในองค์กรสับสน… ฉะนั้นก่อนที่จะสื่อสารอะไรไป เราอาจจะต้องดูว่า Social Media แต่ละตัวมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างไร

Twitter

มี 326 ล้านคนที่เล่น Twitter ทุกเดือน กว่า 500 ล้านข้อความที่ทวิตกันทุกวัน คิดเป็น 5,787 ทวิตในทุกๆวินาที ซึ่งแต่ลทวิตมีอายุขัยอยู่ราวๆ 18 นาที แต่เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ใช้ทวิตเตอร์กว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดกลับไม่เคยทวิตข้อความอะไรเลย แค่มาตามข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

นั่นเพราะว่าฟังก์ชันหลักๆ Twitter กลายเป็น Real time News Feed ไปแล้ว Twitter กลายเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือมากขึ้น คิดดูว่าคนที่เป็นข่าวสามารถปล่อยข่าวหรือแสดงความคิดเห็นออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการกรองจากบรรณาธิการข่าวใดๆทั้งสิ้น

ในแง่ของธุรกิจ Twitter จึงกลายเป็นสื่อออนไลน์ที่ใช้บอกข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรได้อยู่เรื่อยๆ แต่ที่สำคัญกว่าคือการใช้ Twitter ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจต่างหาก

Youtube

เป็นแพลตฟอร์ที่แชร์วีดีโอฟรี่ใหญ่ที่สุด เป็นช่องทางที่ดีมากๆในการสร้างแบรนด์ แสดงความคิดเห็น สอน How-to จนทุกคนสามารถสร้างช่องของตัวเองและไลฟ์สดได้เหมือนรายการทีวี เอาจริงๆ Youtube จะมีความเป็น Social Media น้อยกว่าตัวอื่นเพราะคนเข้ามาดูคลิปไม่จำเป็นต้อง Log in ด้วยซ้ำ ถ้าตอนนี้สุ่มคนมา 10 คน จะต้องมีอย่างน้อย 6 คนดูวีดีโอบน Youtube มากกว่าบน TV ส่วนยอดค้นหาช่องใน Youtube 20 ช่องแรก เป็นพวก Youtuber ทั้งนั้น

ฉะนั้นการเอา Youtube มาใช้สื่อสารเชิงพาณิชย์ควรเป็นคอนเทนต์ที่ทั้งสนุกทั้งขายของได้ มากกว่าจะมาสร้างความสัมพันธ์กันคนเป็นเครือข่ายมากกว่า

Instagram

เอาจริงๆ Instagram เป็นช่องทางที่ดีมากๆในการสื่อสารกับลูกค้าหรือพนักงานในองค์กรให้เห็นถึงเบื้องหลังในการทำงานหรือผลิตสินค้าและให้บริการ มันช่วยเพื่มปฏิสัมพันธ์ให้กับคนที่ติดตาม มากกว่าจะมาโปรโมทสินค้าอย่างเดียว

ส่วน Hashtag เป็นส่วนสำคัญมากใน Instagram และหลายๆครั้ง ก็สำคัญกว่าคำบรรยายใต้รูปธรรมดาด้วย เราสามารถติด # ได้มากสุด 30 อันกับรูปบน Feed และ 10 อันบน Story ให้คนที่ติดตามได้ตามบทสนทนา ได้ตามเทรนด์ว่าหัวข้อนี้ใครคุยอะไรกันบ้าง มันส่งผลต่อการการเพิ่มยอด Follower และการรับรู้คอนเทนต์มากขึ้น

ในแง่ธุรกิจ Instagram เป็นช่องทางในการเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ทั้งเบื้องหนังและเบื้องหลัง ในปี 2018 เคยมี Instagram TV ให้แบรนด์มีช่องรายการของตัวเองเหมือน Youtube ด้วยซ้ำ ก็เพื่อเชื่อต่อกับกลุ่มผู้ติดตาม และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของแบรนด์

LinkedIn

มีคนใช้กว่า 600 ล้านคน 30 ล้านบริษัท จากกว่า 200 ประเทศ เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “Connection” แต่ละคนมีเครือข่ายของตัวเองโดยอาจไม่จำเป็นต้องรู้จักกันในชีวิตจริง การเพิ่มเพื่อนใน LinkedIn เป็นเรื่องของการงานอาชีพและสายสัมพันธ์ทางธุรกิจล้วนๆ โดยเฉพาะพวกกำลังหางานทำและฝ่าย HR ของบริษัทที่กำลังหาคนที่ใช่มาทำงานด้วย

แต่สำหรับองค์กรหรือบริษัทนั้น LinkedIn เป็นสื่อที่ดีในการแชร์ข้อมูลข่าวสาร PR ในองค์กร แทนที่แต่เดิมจะต้องผ่านสื่อหลักหรือสำนักข่าวต่างๆ และยังเป๋นแพลตฟอร์มที่คอยเชื่อมพนักงานในบริษัทอีก

Facebook

สื่อสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มี Facebook Group ที่เปรียบเหมือนชุนชนของคนที่มีความสนใจเหมือนๆน มี Messenger ที่ไม่ใช่แค่ส่งข้อความคุยหากันได้ แต่ยัง Live สดกันได้ด้วย

ฉะนั้นในเมื่อ Facebook มีแพลตฟอร์มอยู่หลายตัว ฝั่งธุรกิจก็ต้องเลือกนำมาใช้งานให้ถูกฟังก์ชั่นของมันด้วย โดยเฉพาะในการยิงโฆษณา เรียกได้ว่า Facebook เป็นสื่อโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในฌลก มันมีอิทธิพลในการซื้อสินค้าและบริการจริงๆ

WhatsApp

เหตุผลหลักที่ WhatsApp ยังเป็นที่นิยมเพราะเป็นทางเลือกนอกจากส่ง SMS ที่มีต้อนทุนถูกกว่า แถมเหมาะกับการคุยกันแบบกลุ่ม นี่จิงเป็นโอกาสที่ดีมากของธุรกิจรายย่อยที่จะได้เป็นหนึ่งในกลุ่มสนทนาของลูกค้าเป้าหมาย หรือคุยโต้ตอบกับพนักงานในบริษัทหรือองค์กร

Snapchat

สื่อสังคมออนไลน์ที่ Facebook ไม่ได้เป็นเจ้าของ นิยมในวัยรุ่นอเมริกาอายุ 16 -24 ไว้อวดตัวเอง แชร์รูปและวีดีโอที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น เมื่ออัพขึ้นแล้วก็จะแสดงให้เห็นเพียงแค่ 10 วินาที เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้สื่อสารกับคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้ยังมี TikTok ที่การทำคอนเทนต์นั้น ควรเน้นทั้งสาระและความบันเทิง จริงอยู่ที่กระบวนการยิงโฆษณาไม่แตกต่างจาก Facebook และ Line แต่อย่าลืมด้วยว่าทำไมคนที่เราต้องการสื่อสารด้วยนั้นเปิดใช้งาน Social Media แต่ละตัว เพราะถ้าเราไม่รู้เหตุผลที่ใช้งาน Social Media ตัวนั้น การทำคอนเทนต์ของเราก็จะผิดจากสิ่งที่ลูกค้าอยากรับรู้เช่นกัน

แหล่งอ้างอิง Myths of Social Media: Dismiss the Misconceptions and Use Social Media Effectively in Business โดย Ian MacRae และ Michelle Carvill
ขอบคุณที่มา : marketingoops.com

Outcall massage

Related Posts

มารู้จักหัวอ่านเครื่องแกนลายนิ้วมือ
ประเภทของหัวอ่านแต่ละชนิดนั้น มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปจากการออกแบบวัสดุที่ใช้ในการผลิต หรือขั้นตอนในการผลิต ถ้าให้เปรียบเทียบแล้วว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ต้องถามก่อนว่าต้องการนำไปใช้งานด้านไหน เพราะหัวอ่านแต่ละชนิดมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างด้วยเพราะฉะนั้นต้องเลือกประเภทของหัวอ่านเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งานด้วยถึงจะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพตรงกับงานที่สุดซึ่งบางย่างราคาอาจจะต่างกันมาแต่การในไปใช้งานสามารถนำไปใช้งานแทนกันได้คุณภาพที่ยอมรับได้ 1. Lumidigm Fingerprint Sensor...
Read more
ข้อดีข้อเสียของเทคโนโลยีลายนิ้วมือ
ข้อดี 1. มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะลายนิ้วมือนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถให้ใครได้ ไม่สามารถทำการเลียนแบบได้ อีกทั้งลายนิ้วมือยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา2. ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นเพราะลายนิ้วมือเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตลอดเวลา3. เทคโนโลยีลายนิ้วมือนี้ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่าเทคโนโลยีไบโอเมตริกในด้านอื่น ๆ4. แนวคิดของเทคโนโลยีลายนิ้วมือนี้เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ง่าย...
Read more
ธุรกิจดูดวงทำรายได้แค่ไหน หมอดู เสียภาษียังไง ?
ธุรกิจดูดวงทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 22,800 ล้านดอลลาร์ ในปี 2031 เป็นผลจากเทคโนโลยีเติบโตทำให้คนเข้าถึงการดูดวงง่ายขึ้น ขณะที่ผู้คนต้องการที่พึ่งทางใจมากขึ้น คนไทยเชื่อเรื่องการพยากรณ์ โดยเข้าถึงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์เป็นหลัก...
Read more
error: Content is protected !!